สิ่งที่ได้เรียนรู้เมื่อเข้าสู่ปีที่ 35

1. โลกจะเหวี่ยงคนที่ใช่และไม่ใช่เข้ามา คนที่ไม่ใช่จะออกไปเอง บางคนก็มาเพื่อให้เราได้เรียนรู้

2. ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มีเหตุและผลของมันเสมอ ตอนนี้เราอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเราด้วยวะ แต่พอย้อนกลับไปดู จะอ๋อ เพราะมันกำลังเตรียมตัวให้เราเป็นแบบนี้

3. โลกจะส่งบททดสอบให้เราซ้ำๆ เหมือนเกมส์ที่ต้องผ่านด่านไปให้ได้ ถ้าเรายังผ่านไม่ได้ โลกก็จะส่งมาใหม่ไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะผ่าน ถ้าเจออะไรที่มันออกมาเป็นแพทเทิร์นเดิมๆ เช่น เจอคนไม่ดีบ่อยๆ ต้องมาย้อนถามตัวเองว่า approach เราผิดที่ตรงไหน

4. ทัศนคติเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน ทำไม่ง่าย แต่ทำได้ถ้าเปิดใจมากพอ คุยกับคนให้เยอะๆ อ่านหนังสือให้เยอะๆ มองย้อนไปอีกที เราอาจจะกลายเป็นคนละคนที่ดีกว่าเมื่อวาน

5. บล็อคเวลาไว้วันละ 1 ชั่วโมง ทำอะไรก็ได้ที่จะอัพสกิลหรือพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เช่น อ่านหนังสือ เอาจริง ถ้าดูหนังแล้วได้ข้อคิดไรกลับมาก็ถือว่าเวิร์คเหมือนกันนะ

6. วันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนิดหน่อย ก็ดีขึ้นมากแล้ว เพราะอีก 365 วันข้างหน้ามันจะดีกว่า 365 วันก่อนแบบเยอะๆ

7. Me Time สำคัญมาก อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หาเวลาซัก 2-3 ชั่วโมงที่ปิดคอม เดินออกจากบ้านบ้าง ไปหาของกินอร่อยๆ ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แล้วไม่ต้องคิดถึงเรื่องงาน

8. ก่อนจะไปเข้าใจคนอื่น เข้าใจตัวเองให้ได้ก่อน MBTI, Enneagram, Clifton Strengths ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ทำแล้วเข้าใจตัวเองมากขึ้น พอมี self-aware หรือเริ่มตระหนักได้ว่าเรามีจุดไหนดีอยู่แล้ว จุดไหนจุดอ่อน แล้วค่อยๆปรับบวกกับทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ เราจะใจดีกับตัวเองมากขึ้น

9. Mentor กับโค้ชนั้นสำคัญ หาคนที่เราสามารถเปลือยใจได้ และพร้อมจะวิจารณ์เราอย่างตรงไปตรงมา ให้คำแนะนำเราแบบจริงใจ ซึ่งคนละความหมายกับปากเสีย เจอคนแบบนี้เมื่อไหร่ ให้กอดไว้ให้แน่น

10. สมองสำคัญ แต่สัญชาติญาณคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม มันถูกขัดเกลามาแล้วจากความคิด ประสบการณ์ที่หล่อหลอมกันมาจนอธิบายยาก เรื่องสำคัญๆ ให้ใช้สัญชาติญาณ

11. วิธี keep connection ที่เป็นธรรมชาติสำหรับเราคือ สนใจจริงๆว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ทำไมเค้าคิดแบบนี้ 3-4 อาทิตย์จะทักไปซักครั้งนึง สุดท้ายคุยกับทุกคนจะ deep talk ไปหมดเลย เพราะกลายเป็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน

12. คุณภาพเพื่อนสำคัญกว่าจำนวน บางคนแฝงตัวมาในคราบเพื่อน แต่อาจจะไม่ใช่เพื่อน บางคนเป็นคนดีแต่ไม่ตรงจริตก็คือไม่ตรงจริต เอเนอจี้มันห้ามกันไม่ได้

13. ดังนั้นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้ ถ้าเหงาก็ลองหากิจกรรมทำ เดินเล่นบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ดูหนังบ้าง ต้องเริ่มต้นคิดว่าต้องทำคนเดียวมันยาก แต่พอลองทำแล้ว เออ มันดีกว่าที่คิด

14. เลือกให้เป็น และพยายามมีช่องว่างหรือเวลาว่างให้ตัวเองอยู่เสมอ เพราะการตอบรับสิ่งนึง เท่ากับกำลังปฎิเสธอีกสิ่งนึงอยู่ เช่น ถ้าเราเอางาน A เข้ามาในตาราง แล้วต่อมามีงาน B ที่อยากทำมากๆ เราก็อาจจะทำไม่ได้แล้ว เพราะช่องว่างของเราเต็ม

15. ถ้าเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องวิ่งตามตลอดก็ได้ รักษาใจตัวเองไว้

16. คนเหี้ยคือคนเหี้ย บางทีมาในคราบคนดี รู้ตัวเมื่อไหร่ move on ให้ไว

17. ไม่ต้องไปเทียบกับคนอื่น เพราะแต่ละคนจุดสตาร์ทไม่เหมือนกัน เรามาได้ถึงตรงนี้ก็เก่งมากแล้ว ให้กำลังใจตัวเองบ้าง

18. ทุกคนก็มีความทุกข์ของเค้านั่นแหละ เพียงแต่เราไม่รู้

19. Everything is always working out, so trust the process ถ้าทำดีแล้วก็ปล่อยใจให้ร่มๆบ้าง ชมนกชมไม้บ้าง เดี๋ยวมันก็ไปถึงเป้าหมายเอง

สุดท้ายนี้ขอให้ความสุขของตัวเองเป็นสิ่งเรียบง่าย ได้กินอาหารอร่อยๆ ได้เดินทางไปในที่อยากจะไป ได้เจอกับผู้คนดีๆ ได้มีสุขภาพที่แข็งแรง ถ้าได้แบบนี้ทุกวันก็คงดี แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งชุบชูใจก็ได้

ปีนี้ฉลองวันเกิดเรียบๆด้วยการไปซื้อโดนัทครีมสตรอเบอร์รี่จาก Mello แถว China town ที่อยากกินมานาน กับกาแฟนม แล้วหิ้วไปที่สวนสาธารณะ David Lam Park เพื่อดูดอกไม้ปลิว แค่นี้ก็แฮปปี้ละ

.

.

ถ้าใครอยากชมชีวิตในแคนาดาเพิ่ม IG: Puiionsunnyside รับถ่ายภาพในแวนคูเวอร์ ติดต่อได้เลยค่า Thai photographer based in Vancouver, Canada