5 เทคนิค จากหนังสือ The long game | How to be a long-term thinker in a short-term world
- Puiionsunnyside
- 30 ก.ค. 2566
- ยาว 1 นาที
#เปลี่ยนตัวเองเป็นคนคิดให้ไกลบนโลกที่เปลี่ยนผ่านหมุนเร็ว
.
1) Focus where it counts — #หาเป้าหมายที่ใช่
.
หลายคนโชคดีรู้ตัวเร็วว่าตัวเองต้องการอะไร ในขณะที่หลายคนอาจเป็นเป็ดเหมือนเรา ที่อยากทำและทำได้หลายอย่างจนขาดโฟกัส
.
สิ่งที่เราทำในรอบปีที่ผ่านมาคือ การไปทำความรุ้จักกับตัวเองแบบจริงจัง ทำ personality test เยอะมาก อ่านละเอียด กางแผนผังเขียนสิ่งที่ตัวเองถนัด ไม่ถนัด ชอบ ไม่ชอบ รูปแบบชีวิตที่เราอยากได้ สิ่งที่เรารับไม่ไหว เก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในหัว แล้วเอาข้อมูลพวกนี้ไปถามผู้รู้ ว่าถ้าเรามีแบบนี้ๆๆ แล้วคิดว่าไปทางไหนต่อน่าจะดี พอได้ข้อมูลก็ย้อนกลับมาคิด พอตกตะกอนก็ไปถามใหม่ reflect ซ้ำๆ
.
หัวใจหลักคือ เราจะได้ความคิดที่หลากหลายเมื่อถามผู้คนเยอะๆ รวมถึงข้อมูลที่เราไม่เคยรู้หรือคิดมาก่อน แต่ขณะเดียวกัน เราก็ยังมีแกนหลักจากความเข้าใจว่าตัวเราเป็นยังไง ทำให้เราฟิลเตอร์ข้อมูลได้ส่วนนึง #ส่วนไหนที่ใช่เก็บไว้ ไม่ใช่ตัดออก
.
พอเราเริ่มกำหนดทิศทางได้แล้ว ทุกการตัดสินใจต่อจากนี้มันจะ shape หรือกำหนดทิศทางในชีวิตของเราเอง ทุกๆโอกาสที่เราจะยื่นมือไปรับ ก็จะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องและหล่อหลอมให้เราไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ แม้เป้าจะไม่ชัดแต่ก็ยังใกล้เคียง
.
.
2) “When deciding whether to do something, if you feel anything less than “Wow! That would be amazing! Absolutely! Hell Yeah!” — then say “no” :: #ถ้าโอกาสที่ยื่นเข้ามาไม่ทำให้เราตื่นเต้นตัวสั่นเทิ้ม ให้ตัดออก
.
ช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เราเปิดโอกาสให้ตัวเองทำนู่นนี่เยอะมากๆ เป็นคนที่กระโจนไปหาทุกโอกาสโดยไม่คัดกรอง มารู้ตัวหลายทีคือ กิจกรรมที่อยากทำมากๆ มักมาหลังจากรับกิจกรรมที่อยากทำ(แต่ไม่มาก) ไปซักพักแล้ว ทีนี้ก็มานั่งเสียดาย อยากทำก็ทำไม่ได้ เพราะสล็อตเวลาว่างของเราไม่มีที่พอให้ใส่อันใหม่ที่เราอยากทำ
.
หนังสือบอกให้เรา Keep White Space หรือพยายามจัดตารางเวลาของตัวเองให้โล่งเข้าไว้
.
สิ่งที่เราย้อนกลับมาแก้ไขคือ เราจะกางปฎิทินออกมา แล้วใส่สิ่งที่เรา”ต้องทำ”หลักๆลงไปก่อน เช่น เรียนและงาน แล้วใส่สิ่งที่ “อยากทำมากๆ” ลงไปตาม เช่น ออกกำลังกาย เขียนโพสต์ ทำคลิปยูทูป แล้วมาดูช่องว่างที่เหลือ — ช่องว่างนี้จะเก็บไว้ใส่เฉพาะ #โอกาสที่เรากำลังรออยู่เท่านั้น ลงไป ถ้าไม่ว้าวหรือไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เราตัดทิ้ง
.
เราว่าอันนี้ตรงกับสุนทรพจน์จาก Michelle Yeoh ที่บอกว่า “รอโอกาสที่ใช่ ถ้ายังไม่ใช่ก็ไม่คว้า” ที่เขียนไว้โดยคุณ ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ ดังนั้นตารางเวลาของเราจะโล่งเพื่อรอโอกาสที่ใช่ ระหว่างนั้นก็เก็บสะสมทักษะไปให้พร้อมเมื่อถึงเวลา

3) Patience is the truest test of merit — #รอให้เป็น
.
เลือกแล้ว ต่อไปคือช่วงวัดใจ วัดใจว่าสิ่งที่เราเลือกมันถูกรึป่าว ที่เราทำมาถูกทางมั้ย เมื่อไหร่จะเห็นผล หรือสิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะเหนื่อยฟรี จะคุ้มค่ากว่าโอกาสที่เราปล่อยผ่านไปรึป่าว
.
ในช่วงแรกเราโคตรใจร้อน อยากได้ผลวันนี้ เดี๋ยวนี้ ทำไมทำแล้วไม่เห็นผลซักที จนลืมไปว่า #ทุกอย่างต้องใช้เวลา ทุกวันนี้เราสะกดจิตตัวเองให้เชื่อว่าทุกสิ่งที่เราทำวันนี้ เต็มที่แล้ว เราเตรียมพร้อม เก็บ สั่งสมประสบการณ์ แล้วเมื่อถึง “เวลาที่ใช่” ผลลัพธ์มันจะเกิดขึ้นเอง (Trust the process)
.
“Are you willing to do the work despite no guaranteed outcome? —— We have to take it on faith and do it anyway.
4) “You have to surround yourself with people you admire and trust, and learn from their example.” — #จงพาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่เรานับถือและเรียนรู้จากพวกเค้า
.
“ตัวเราวันนี้คือค่าเฉลี่ยของคน 5 คน ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด” — Jim Rohn
.
ข้อดีของโรงเรียน BCIT ที่เราเรียนอยู่คือ เค้าจัด networking event บ่อยมากๆ ทำให้เราได้มีโอกาสไปเรียนรู้จากคนเก่งๆ ครูเราสอนตั้งแต่วันแรกเลยว่า การเป็นนักเรียนคือไพ่ใบที่ดีที่สุดของการ network — เราเลยใช้ไพ่ใบนี้เป็นใบเบิกทางติดต่อกับคนทุกคนที่เค้าอยู่ในจุดที่เราอยากจะไปถึง — คนที่เราควรเก็บไว้คือ คนที่พร้อมจะบอกความจริงกับเรา แม้ว่าความจริงนั้นจะกรีดแทงใจก็ตาม เพราะเค้าจะทำให้เราเติบโต (พูดตรง กับ พูดแรง นั้นต่างกัน)
.
สิ่งที่เรามักจะถามตอนแรกๆเลยคือ เราชอบหรือมีความสนใจในสิ่งที่เค้าทำอยู่ เราอยากไปถึงจุดนั้นบ้าง เค้าทำได้ยังไง แล้วเค้ามีคำแนะนำอะไรให้เรามั้ย — พอได้คำแนะนำมา เราก็เอาไปทดลองทำ แล้วก็มารายงานผล เพื่อ follow-up connection

5) 20% Time + Give Yourself a deadline — #อยากทำอะไรให้ใส่วันที่กำกับ
.
จัดเวลาให้ตัวเองวันละ 1 ชั่วโมง แล้วมานั่งคิดจริงจังว่ามีกิจกรรมอะไรที่เราอยากทำบ้าง นอกเหนือจากงานหลักที่ทำอยู่ จากนั้นให้ลงวันที่จะทำไว้เลย
.
อยากออกกำลังกาย จองคลาสไว้เลย อยากเพิ่ม connection ส่งข้อความนัดเวลาไปเลย อยากทำกิจกรรมใหม่ๆอะไรให้ใส่วันที่ลงไปเลย ถ้ามัวแต่รอเดี๋ยวก่อนก็จะไม่เกิด
.
ยิ่งพอเป็นเวลาแค่ 1 ชม. เราจะไม่รู้สึกกดดันว่าเราทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับสิ่งนั้น ถ้าเวิร์คก็ทำต่อ ถ้าไม่เวิร์คก็แค่เปลี่ยน ให้คิดว่าเป็นช่วงเวลาสำหรับการค้นหาตัวเอง บางทีเวลา 20% เล็กๆ อาจจะทำให้เราก้าวกระโดดก็ได้
.
.
.
.
ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เราจะมีแผนให้ตัวเองยังไง คือคำถามที่วนเวียนในหัวเรามาตลอดหลายเดือน — และนั่นคือเหตุผลที่เราหยิบหนังสือเล่มนี้
สำหรับใครที่ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัด เราว่าหนังสือเล่มนี้ก็เป็นตัวช่วยอีกเล่มนึง หรือถ้าใครมีเป้าหมายชัดแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่ถึงจุดหมายซักที เล่มนี้อาจจะบอกเทคนิคดีๆที่เรายังไม่เคยทำก็ได้ เพราะในวันที่โลกเปลี่ยนผ่านหมุนเร็ว และดูเหมือนใครๆก็ประสบความสำเร็จ เค้าอาจจะผ่านจุดที่เราเคยเหนื่อยมาก่อนหรืออาจจะทำบางสิ่งที่เรายังไม่ได้ลองทำก็ได้ ใครจะรู้
-
ถ้าใครอยากชมชีวิตในแคนาดาเพิ่ม
📷 IG: Puiionsunnyside
.
รับถ่ายภาพในแวนคูเวอร์ ติดต่อได้เลยค่า
Thai photographer based in Vancouver, Canada
Comments